Categories
การจัดสวน หน้าแรก ไม้ประดับ

บัวดอย ไม้ประดับ ที่นิยมปลูกในบ้าน

บัวดอย


บัวดอย เป็นไม้ประดับที่มีความงามและมีลักษณะเด่นที่น่าสนใจมาก ไม้ประดับ ที่น่าสนใจและเป็นที่นิยมในการ ปลูกในบ้าน หรือสวน โดยควรระวังในกรณีที่มีเด็กเล็กเพราะน้ำยาที่อยู่บนใบของบัวดอยอาจสร้างความรุนแรงถ้าถูกทาและได้รับการสัมผัส นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับบัวดอย

  1. ลักษณะของบัวดอย
    • บัวดอย ลักษณะ ใบทรงหัวใจที่สวยงาม มีสีเขียวเข้ม และบางกรณีอาจมีลายดงนั้นตามใบ
    • ลำต้นของบัวดอยมีลักษณะเล็กและสูงพอประมาณทำให้เหมาะกับการปลูกในพื้นที่จำกัด
  2. การขยายพันธุ์ของบัวดอย
    • บัวดอยการขยายพันธุ์ ได้ทั้งแบบเมล็ดและการตอนกิ่ง
    • การเพาะเมล็ดในดินร่วนและรดน้ำอย่างสม่ำเสมอจะช่วยในการเริ่มต้นการปลูก
  3. การปลูกบัวดอย
    • บัวดอย การปลูกเลือกที่ปลูกที่มีดินร่วนซุยและมีการระบายน้ำดี
    • ประทับใจแสงแดดเต็มที่หรือร่มเงาบางๆ และรดน้ำให้เพียงพอ
  4. ต้นบัวดอย ราคา
    • ราคาของต้นบัวดอยอาจแตกต่างกันไปตามขนาดของต้น และสถานที่ที่คุณซื้อ
  5. ชื่อสามัญของบัวดอย
    • บัวดอย ชื่อสามัญคือ “Dieffenbachia” ซึ่งมีหลายสายพันธุ์และพันธุกรรมที่แตกต่างกัน
  6. คำแนะนำในการดูแล
    • บัวดอย ดูแล รดน้ำเพียงพอและไม่ให้น้ำท่วมขัง
    • ควรเก็บอยู่ในที่ร่มเงาหรือได้รับแสงแดดต่ำ

การดูแลและปลูก บัวดอย

การดูแลและปลูกบัวดอยต้องทำอย่างรอบคอบเพื่อให้ได้ต้นไม้ที่สมบูรณ์แข็งแรงและมีลักษณะที่สวยงาม นอกจากนี้การใช้บัวดอยเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งทั้งภายในบ้านและพื้นที่สาธารณะมีความนิยมเนื่องจากความงามและความหลากหลายทางด้านการออกดอกและลักษณะของใบที่น่าทึ่ง

การดูแลบัวดอย

  • การรับแสง
    • ต้นบัวดอย มีความรับแสงที่ดีและสามารถปรับตัวได้ตามระดับแสงในสภาพแวดล้อม
  • ปัญหาที่เป็นไปได้
    • บัวดอยมีบางสายพันธุ์ที่มีน้ำยาพิษ ทำให้ควรระวังไม่ให้สัมผัสโดยตรงกับน้ำยาที่อยู่บนใบ
  • การให้ปุ๋ย
    • การให้ปุ๋ยสามารถทำได้ประมาณ 2-3 ครั้งต่อปีด้วยปุ๋ยสำหรับต้นไม้ในบ้าน
  • การตัดแต่ง
    • ควรตัดแต่งใบที่แห้งหรือเสื่อมโทรมเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์
  • การขยายพันธุ์
    • สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยการแบ่งหรือตอนกิ่ง
  • การรักษาสภาพแวดล้อม
    • ควรหลีกเลี่ยงการวางไว้ในที่ที่มีลมพัดแรงหรืออยู่ในพื้นที่ที่อากาศแห้งมาก
  • การดูแลเพื่อป้องกันโรค
    • ควรเช็คสภาพใบเรื่อย ๆ เพื่อป้องกันการระบาดของโรคและแมลง
  • การใช้เป็นตกแต่งภายใน
    • บัวดอยเป็นไม้ประดับที่น่าสวยงามและมีความหลากหลายในสไตล์ตกแต่งภายใน
  • การใช้ในสวน
    • บางครั้งบัวดอยถูกนำมาใช้ในการประดับสวนหรือลานจอดรถเพื่อเพิ่มความเขียวสดและความสวยงาม

บัวดอย นิยมในการปลูกในบ้าน

การปลูกและดูแลบัวดอยไม่เพียงแค่สร้างความสวยงามให้กับสภาพแวดล้อมที่คุณอยู่ แต่ยังเป็นทางเลือกที่ดีในการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้และการเพิ่มคุณค่าให้กับทัศนคติในการดูแลสิ่งแวดล้อมภายในบ้าน

  • การเลี้ยงในบ้าน
    • บัวดอยเป็นที่นิยมในการปลูก ต้นไม้ในบ้าน เนื่องจากสามารถปรับตัวได้ทั้งในระดับแสงและอุณหภูมิ ทำให้เป็นพืชที่เลี้ยงได้ดีในสภาพอากาศภายในบ้าน
  • การให้น้ำ
    • การรดน้ำควรเป็นอย่างมีระบบเพื่อป้องกันการขาดน้ำหรือน้ำท่วม
  • การใช้เป็นสัญลักษณ์
    • บัวดอยเป็นสัญลักษณ์ของความรุ่งโรจน์ในวัฒนธรรมไทย มักนำมาใช้ในพิธีกรรมและงานวันสำคัญ
  • การเรียนรู้เพิ่มเติม
    • การเรียนรู้เกี่ยวกับลักษณะต่าง ๆ ของบัวดอยและวิธีการดูแลรักษาจะช่วยให้คุณมีประสบการณ์การเพาะปลูกที่ประสบความสำเร็จ
  • การสนใจจากสวนพฤกษศาสตร์
    • บัวดอยมีความนิยมในวงการสวนพฤกษศาสตร์เนื่องจากมีการศึกษาและพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ
  • การเป็นอาชีพ
    • ในบางที่การปลูกและขายบัวดอยอาจเป็นอาชีพที่น่าสนใจ เนื่องจากมีความต้องการในตลาด
  • การส่งเสริมสุขภาพ
    • การมีพืชในบ้าน เช่น บัวดอย ยังช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตและลดความเครียด
Categories
หน้าแรก

จั๋งญี่ปุ่น ไม้ฟอกอากาศดูแลง่าย สบายคนปลูก

จั๋งญี่ปุ่น

จั๋งญี่ปุ่น หรือในตระกูลต้นจั๋ง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไม้ฟอกอากาศยอดฮิตที่อยู่ในตระกูลเดียวกับต้นปาล์มเลยล่ะ ตัวจั๋งจะเป็นต้นไม้ที่จะขึ้นเป็นกอ มีการเจริญเติบโตที่ช้าพอตัวเลย โดยจะสูงได้ประมาณ 3 – 4 เมตรเลยทีเดียวหากเราไม่ได้ทำการตัดแต่ง ปัจจุบันนำมาปลูกเพื่อประดับทั้งภายในและภายนอกอาคารเยอะมาก ๆ

จั๋งญี่ปุ่น

จั๋งญี่ปุ่น วิธีการปลูกและการดูแลต้องเตรียมยังไงบ้าง

จั๋งญี่ปุ่นเป็นไม้ที่เอาอะไรก็ได้ง่าย ๆ จะไว้นอกบ้านหรือในล้านก็ได้ แน่นอนว่าเราก็ต้องใส่ใจอยู่พอสมควรนะ สำหรับวิธีการปลูกจั๋งญี่ปุ่น ขยายพันธุ์ทำยังไงนั้น โดยเราสามารถทำได้อยู่ 2 วิธี คือ การเพาะเมล็ด และอันสุดท้ายคือการแยกหน่อ แน่นอนว่าส่วนใหญ่แล้ว จะใช้วิธีแยกหน่อมากกว่า เพราะการเพาะเมล็ดใช้เวลานานมากกว่านั่นเอง  วิธีการดูแลเบื้องต้นก็มีดังนี้

1.แสง เพราะจั๋งเป็นไม้นิสัยง่าย ๆ อยู่กลางแจ้ง ประดับในอาคารบ้านที่ร่ม ๆ ก็ได้ เอาที่เราสะดวกเลย

2.น้ำ ขอแค่พอให้ดินชุ่มชื้นก็เพียงพอ แนะนำให้รดน้ำอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง อย่าให้ขาดน้ำ แล้วก็อย่าให้น้ำขังเพราะจะมีกลิ่นอับได้ง่าย ละอาจจะทำให้ต้นเสียได้เลย

3.ดินร่วนหรือดินที่ปลูกต้นไม้ที่อุ้มน้ำได้ทั่วไปเลย แนะนำเป็นพิเศษคือ ควรหาผสมวัสดุปลูก ไม่ว่าจะเป็นแกลบหรือกากมะพร้าวมาด้วย เพื่อช่วยเรื่องการเก็บอุ้มน้ำและความชื้นนั่นเอง

4.สำหรับปุ๋ย สามารถใช้ได้ทั้งปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักได้เลย แนะนำให้ใส่ปีละ 2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว  

 จั๋งญี่ปุ่นราคาเริ่มต้นที่เท่าไหร่แล้วบ้าง

จั๋งญี่ปุ่นด้วยความที่เป็นไม้ประดับที่มีความสวยงามเอามาก ๆ นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องของการฟอกอากาศ และเพิ่มความชุ่มชื้นโดยรอบ ทำให้ ต้นจั๋งญี่ปุ่นราคามีได้ตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป แล้วแต่ความสูง ขนาด ประมาณ และคุณภาพของต้น แน่นอนว่าแอบมีราคาสูงพอตัวเลยล่ะ 

จั๋งญี่ปุ่น

จั๋งญี่ปุ่นเรื่องของประโยชน์จะช่วยอะไรบ้างนอกจากความสวย  

        จั๋งญี่ปุ่นปกติแล้วจะเลี้ยงไว้ตกแต่งสวนเพื่อความสวยงาม ทั้งนี้จั๋งญี่ปุ่น ประโยชน์ ก็มีให้ใช้สอยอยู่ในเรืองของการทำอาหารด้วยนะ เพราะบริเวณภาคเหนือของเรามีการนำยอดอ่อนมาต้มเพื่อประกอบอาหารด้วยนะ ทั้งช่วยเรื่องของการถ่ายเท ช่วยฟอกอากาศ เพิ่มความชุ่มชื้น และมีความสวยงามอยู่ในตัว ทำให้เป็นที่นิยมอย่างมากในไทยนั่นเอง

ต้นจั๋ง ชอบแดด ไหม เห็นบอกชอบความชื้นนี่นา

        จั๋งญี่ปุ่น \อย่างที่บอกว่าจั๋งเป็นไม้ที่ไม่เรื่องมากเลยเรื่องแสงแดด แต่น้องต้องการน้ำเป็นสำคัญมาก ดังนั้นหากถามว่าแล้วจั๋งญี่ปุ่น ชอบแดดไหม ขึ้นชื่อว่าจั๋งแล้ว อะไรก็ได้ที่เราสะดวกนั่นเอง จะไว้กลางแจ้ง หรือที่ร่มก็ได้ ขอแค่เราใส่ใจเรื่องน้ำก็เพียงพอแล้ว หากไว้กลางแจ้งก็อาจจะต้องให้ความสำคัญเรื่องน้ำมากขึ้น เพื่อไม่ให้ดินแห้ง

แล้วจั๋งญี่ปุ่น ทรงพุ่ม เป็นแบบไหน หาซื้อได้ที่ไหน

        จริง ๆ แล้วไม่ต้องหาที่ไหนเลย เพราะสายพันธุ์ไทยอย่าง R.Subtilis ก็ดูเป็นทรงพุ่มที่สุดแล้ว ทั้งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นจั๋งแล้ว เราก็สามารถตัดแต่งได้ เพราะอย่าลืมว่าน้องสามารถโตขึ้นได้ตลอด อยากได้ทรงไหน สูงประมาณไหนเราก็สามารถจัดการเองได้เลย

สนับสนุนโดย https://slot-allbet.com/ แหล่งรวม pg slot หรือ พีจีสล็อต https://slot-allbet.com/pg-slot-or-pg-slot/

Categories
หน้าแรก

พลูฉลุ ไม้ฟอกอากาศยอดนิยมที่ใครก็ควรมีติดบ้านไว้

พลูฉลุ
https://www.blockdit.com/posts/5f6cb095a8a98b0b52ad62fe

พลูฉลุ ต้นไม้ฟอกอากาศที่ในได้รับปัจจุบันนิยมปลูกกันเยอะมากไม่ว่าจะเป็นการปลูกในบ้านหรือปลูกในที่ทำงานก็มีมากมาย เหตุผลที่ได้รับความนิยมก็เพราะว่าเจ้าพลูฉลุนั้นมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัวอยู่ตรงใบที่จะมีรูฉลุเล็กใหญ่สลับกันทำให้รู้สึกแตกต่างจากต้นไม้ฟอกอากาศอื่นๆ นอกจากนี้แล้วก็ยังเป็นต้นไม้ที่เลี้ยงง่าย ใครๆก็สามารถเลี้ยงได้ จึงทำให้ต้นนี้มีความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน แถมยังช่วยฟอกอากาศดูดสารพิษทำให้อากาศภายในห้องที่เราเอาต้นนี้ไปวางไว้นั้นสะอาดขึ้นอีกด้วย อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคุณก็คงอยากจะลองเลี้ยงพลูฉลุดูบ้างแล้วงั้นลองมาอ่านต่อกันว่าเจ้าพลูฉลุดูแลยังไงถึงจะใบดกเงางามและช่วยฟอกอากาศได้ดี ไปดูกันเลย

พลูฉลุ กับการดูแลที่แสนง่ายดาย

พลูฉลุ
https://home.kapook.com/view234386.html

พลูฉลุ หนึ่งในสายพันธุ์ของพลูที่เป็น ไม้เลื้อย เนื้ออ่อน มีรากที่จะเลื้อยไปตามหน้าดิน ลักษณะใบจะเป็นทรงรี ปลายใบค่อนข้างแหลมและโคนมน ภายในใบจะมีรูฉลุอย่างสวยงาม หลายคนคงสงสัยว่าทำไมสายพันธุ์นี้ถึงมีรูฉลุที่ใบ นั่นก็เพราะว่าช่วยลดแรงลมที่มากระทบที่ใบของมันเมื่อมันเลื้อยอยู่บนต้นไม้ใหญ่ แถมแสงก็ยังส่องลอดผ่านรูของใบไปถึงโคนต้นไม้ใหญ่อีกด้วย

มาดูในส่วนของ วิธีดูแล ต้นไม้ฟอกอากาศชนิดนี้กันบ้าง ซึ่งไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่พึ่งเข้าวงการต้นไม้ดูแลไม่เป็นหรือเป็นคนไม่มีเวลาก็สามารถเลี้ยงต้นไม้ต้นนี้ให้สวยได้ โดยเริ่มจาก การรดน้ำ ก็ควรจะรดให้ชุ่มฉ่ำอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ปลายยอดมาจนถึงกระถางราก รดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง แต่ถ้าวันไหนอากาศชื้นมากก็ไม่ต้องรดเยอะ และต้นไม้ชินนี้ชอบแสงแดดรำไรหรือแดดส่องถึง โดยต้องเป็นแดดในช่วงเช้าเพราะจะทำให้ต้นไม้โตเร็ว และมีใบสวยงามแข็งแรง นอกจากนี้ก็ควรที่จะให้ปุ๋ยทุกๆ 3 เดือนเพื่อให้ต้นไม้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ

พลูฉลุ
https://rainbow.co.th

สำหรับใครที่อยากจะเลี้ยงไม้ฟอกอากาศตัวนี้ไว้เพื่อทำให้อากาศบริสุทธิ์ก็สามารถหาซื้อได้ตามตลาดต้นไม้ทั่วไป เช่น ตลาดต้นไม้สวนจตุจักร ซึ่งราคาของเจ้าตัวนี้ก็จะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับความสวยงามของลวดลายและความแข็งแรง โดยจะมีตั้งแต่หลักสิบที่เป็นต้นธรรมดาไปจนถึงหลักร้อยที่เป็น พลูฉลุยักษ์ ก็มี ชอบแบบไหนก็สามารถเลือกซื้อได้เลย

เลี้ยงเพื่ออากาศบริสุทธิ์และเสริมดวง

นอกจากที่เราเลี้ยง ต้นไม้ในร่ม เพื่อความสวยงามและเพิ่มอากาศสดชื่นภายในบ้านแล้ว คนทำงานอย่างเราๆ ก็ยังมีการเอามาไว้บนโต๊ะทำงานเพื่อเสริมดวงให้ปังปุริเย่อีกด้วย เพราะว่าหลายคนที่เลี้ยงพลูฉลุนั้นมี ความเชื่อ ที่ว่าถ้าหากได้เลี้ยงแล้วจะเสริมดวงทำให้มีคนรักและคนหลง อยู่แบบร่มเย็นไม่มีความทุกข์ ทำอะไรก็ราบรื่น ทำให้ต้นไม้ชนิดนี้นอกจากเป็นที่นิยมในหมู่คนเลี้ยงต้นไม้แล้วก็ยังเป็นที่นิยมในหมู่คนสายมูอีกด้วย

โดยราคาของต้น พลูฉลุ เริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 35-2000 บาทแล้วแต่ขนาดค่ะ

Categories
ต้นไม้หน้าบ้าน หน้าแรก

กระท่อม พืชชูกำลังที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน

กระท่อม นับว่าเป็นอีกหนึ่งพืชประจำถิ่นใต้ของไทยเลยก็ว่า ซึ่งพืชชนิดนี้นับว่าเป็นอีกชนิดหนึ่งที่ถูกปลดล็อกออกจากการเป็นพืชเสพติด ซึ่งนับว่าเป็นข่าวดีสำหรับใครหลาย ๆ แต่ในวันนี้เราจะไม่ได้มาพูดถึงข่าวเกี่ยวกับการปลดล็อกพืชกระท่อมแต่อย่างใด แต่เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพืชชนิดนี้ให้มากขึ้นทั้งประวัติ การดูแล ราคา และแหล่งซื้อขาย เพื่อให้ทุกคนที่สนใจอยากลองครีเอทเมนูเกี่ยวกับกระท่อมไปหาซื้อมาลองทำกันดู

ประวัติความเป็นมาและวิธีการดูแล กระท่อม พืชชูกำลังที่หลายคนเลือก

อย่างที่หลาย ๆ คนคงจะทราบกันดีแล้วว่ากระท่อม เป็นพืชที่ถูกปลดล็อกจากการเป็นพืชเสพติดแล้ว และกระท่อม ปลดล็อก 100% เป็นที่เรียบร้อย เนื่องจากกระท่อม สรรพคุณ รักษาโรคได้หลากหลาย รวมถึงบรรเทาโรคเบาหวาน ซึ่งทุกคนสามารถนำใบของต้นกระท่อมไปต้มดื่ม นำไปครีเอทเป็นอาหารเมนูต่าง ๆ หรือนำใบไปเคี้ยวสดก็สามารถทำได้เช่นกัน ยกเว้นกรณีที่นำไปทำกระท่อม 4×100 ที่ยังคงนับว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งการท่อมนั้นนับว่าเป็นพืชประจำท้องถิ่นของไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยก็ว่าได้ ที่จะสามารถพบได้ในทั้ง อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, พม่า, ปาปัวนิวกินี รวมไปถึงประเทศไทยเรา โดยส่วนใหญ่จะพบเห็นได้ง่ายในพื้นที่ภาคใต้ของไทย

วิธีดูแลต้นกระท่อม

เนื่องจากต้นกระท่อมเป็นพืชประจำถิ่นของประเทศไทย ดังนั้นการปลูกจึงสามารถปลูกได้ง่ายและไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องของสภาพอากาศ โดยเราแนะนำให้ปลูกในที่กลางแจง มีแดดส่องถึงเพื่อป้องกันการเกิดโรคของต้นกระท่อม และดินที่เหมาะการปลูกกระท่อมควรใช้เป็นดินร่วนซุย และควรรดน้ำอยู่เป็นประจำแต่ไม่ควรรดมากจนเกินไป

อยากได้ กระท่อม ต้องซื้อที่ไหน และราคาอยู่ในเกณฑ์ใด

กระท่อมนับว่าเป็นพืชที่หาซื้อได้ไม่ยากเท่าไรนัก เมื่อเทียบกับ สรรพคุณทางยาของกระท่อม ซึ่งหากใครที่อยากปลูกต้นกระท่อม หรืออยากได้ใบกระท่อมมาประกอบอาหาร เราก็ได้นำข้อมูลเหล่านั้นมาให้กับทุกคนแล้ว โดยราคาของ ต้นกล้ากระท่อม มีราคาอยู่ที่ประมาณ 10 – 200 บาทเท่านั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และคุณภาพของต้นกล้าด้วย แต่หากเป็น ใบกระท่อม จะมีตั้งแต่กิโลกรัมละ 300 – 600 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าแต่ละร้านจะมีวิธีการขายอย่างไร เช่นการนับใบขาย ขายเป็นแพ็ก หรือขายเป็นขีดเป็นต้น

ร้านขายต้นกล้ากระท่อม

  1. Poom.Peem.3 (ต้นกระท่อมเสียบยอดก้านแดง)

ร้านขายต้นกระท่อมบน Shopee ที่ขายกล้ากระท่อมทั้งพันธุ์ก้านแดง, ก้านเขียว และหางกั้งก้านแดง ซึ่งเป็นกล้าแบบต่อกิ่ง สามารถนำไปปลูกต่อได้ง่าย ต้นกล้าแข็งแรง โดยมีราคาตั้งแต่ 80 – 170 บาท นอกจากนี้ทางร้านยังจำหน่ายเมล็ดของกระท่อมอีกด้วย

  • Wan Kased

ร้านจำหน่ายอุปกรณ์และเคมีเกษตร บน Shopee ที่มีสินค้าเกี่ยวกับการเกษตรให้เลือกซื้อเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงกล้าต้นกระท่อม ซึ่งเป็นกล้าที่เพาะจากเมล็ด และมีราคาอยู่ที่ประมาณ 20 บาทต่อกล้าเท่านั้น

  • theone8529 (ต้นกล้าก้านเเดง)

ร้านขายกล้ากระท่อมบน Shopee ที่มีกล้าหลายขนาดให้เลือก อีกทั้งยังมีการแพ็กสำหรับการจัดส่งที่ดี กล้ามีราคาตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักร้อยเท่านั้น

บทสรุป

สำหรับใครที่อยากสร้างรายได้จากต้นกระท่อมหรือใบกระท่อม ก็นับว่าเป็นช่องทางการสร้างรายได้ที่ดีเป็นอย่างยิ่ง และสุดท้ายนี้เราอยากแนะนำสำหรับผู้ที่หันมาดื่มน้ำกระท่อมเพื่อเป็นเครื่องชูกำลังให้ดื่มอย่างระมัดระวัง เนื่องจากนำกระท่อมจะส่งผลให้เกิดอาการท้องผูกตามมา ดังนั้นควรดื่มอย่างระมัดระวังนั่นเอง

Categories
ต้นไม้หน้าบ้าน หน้าแรก

ต้นคล้า ไม้ประดับ และไม้มงคลที่มีเอกลักษณ์และสวยดึงดูดทุกสายตา

คล้า หรือ ต้นคล้า นับว่าเป็นไม้ประดับอีกชนิดหนึ่งที่จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในไม้มงคลที่นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังเป็นไม้ที่สามารถเสริมสิริมงคลของผู้ที่ปลูกหรือครอบครองไม้ชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งไม้ชนิดนี้นับว่าเป็นหนึ่งในไม้ประดับที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ เนื่องจากมีราคาที่ค่อนข้างถูก ดูแลง่าย และที่สำคัญคือมีหลายสายพันธุ์ให้เลือกด้วย

ต้นคล้า ปลูกง่าย ดูแลง่าย และที่สำคัญมีหลายสายพันธุ์ให้เลือก

ต้นคล้าจัดว่าเป็นไม้ล้มลุกที่จะมีหัวอยู่ใต้ดินคล้าย ๆ กับกวักมรกต และใบของมันจะค่อนข้างมีความบางและอ่อนคล้ายกระดาษ ซึ่งลวดลายที่ปรากฏขึ้นบนในของแต่ละสายพันธุ์ก็จะแตกต่างกันออกไป และสิ่งนั้นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จะบอกเราได้ว่า คล้าต้นนั้นเป็นสายพันธุ์ใน และที่สำคัญคือ ต้นคล้าไม้มงคล ที่มีความหมายว่า คุ้มครอง และแคล้วคลาดปลอดภัยนั่นเอง

สายพันธุ์ของคล้า

คล้าใบตอง เป็นคล้าที่มีขนาดใบใหญ่ที่สุดในหมู่ของต้นคล้า โดยลวดลายบนใบจะเป็นลายสีขาวพลิ้ว และเป็นชนิดที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ในหมู่ของต้นคล้า ซึ่งจะนิยมปลูกไว้ในบ้านเป็นไม้ฟอกอากาศที่ทั้งสวย และดูแลง่าย

คล้านกยูงเขียวและ คล้านกยูงแดง เป็นคล้าที่มีใบเป็นสีเขียว ลายสีขาว (นกยูงเขียว) และ ใบสีแดงม่วง ลายสีชมพูเข้ม (นกยูงแดง) ซึ่งขนาดของใบจะมีขนาดเท่าประมาณใหญ่กว่าฝ่ามือเล็กน้อย และใต้ใบของทั้ง 2 สองสายพันธุ์จะมีสีม่วงเข่นกัน และสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของสองสายพันธุ์คือลวดลายที่อยู่บนใบ ที่จะมีลวดลายคล้ายใบไม้ที่จะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน

ต้นคล้าขุนแผน จะมีใบที่ขนาดใหญ่พอ ๆ กับ คล้าใบตองแต่จะแตกต่างกันในส่วนของลำต้น ลวดลายบนใบ รวมไปถึงสีของใบ โดยต้นคล้าขุนแผนจะมีใบที่เรียบ ยาว และใหญ่ ซึ่งจะมีสีที่เห็นได้ชัดเจน ซึ่งจะเป็นสีขาว เขียว และม่วง ซึ่งเป็นสีประจำของต้นคล้า

นอกจากนี้ในส่วนของวิธีดูแลต้นคล้าทุก ๆ สายพันธุ์ มีวิธีดูแลง่าย ๆ เพียงแค่เลือกตำแหน่งที่วางได้ให้โดนแดดบาง ๆ และให้น้ำเพียงสัปดาห์ละ 3-4 ครั้งเท่านั้น เพราะถึงแม้ว่าไม้ชนิดนี้จะชอบความชุ่มชื้น แต่ต้องไม่แฉะจนเกินไป

ราคาและแหล่งซื้อขายต้นคล้า ที่หาซื้อได้ง่าย ๆ ตามร้านต้นไม้ก็มีให้เลือกซื้อ

สำหรับใครที่อยากปลูกต้นคล้า วันนี้เรามีข้อมูลเกี่ยวกับราคาและร้านขายต้นคล้ามาแนะนำแล้วค่ะ โดยต้นคล้า ราคา มีตั้งแต่ 60 – 5,000 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และความสวยงามของคล้าต้นนั้น ๆ และสำหรับ แหล่งซื้อขาย ไม่ว่าจะเป็น ต้นคล้าทอง, ต้นคล้าแววมยุรา,ต้นคล้าขุมทรัพย์ รวมไปถึงต้นคล้าที่เรานำมายกตัวอย่าง ต่างหาซื้อได้ง่าย ๆ ตามตลาดต้นไม้ และร้านขายไม้ประดับทั่วไป เนื่องจากไม้ชนิดนี้ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน และค่อนข้างที่จะเพาะปลูกได้ง่าย

บทสรุป

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับข้อมูลเกี่ยวกับต้นคล้า ไม้มงคล และไม้ประดับที่เรานำมาฝากทุกคนในวันนี้ แต่ก่อนจะจากกันไปในวันนี้เราขอแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกต้นคล้าในบ้าน เพื่อเป็นไม้ฟอกอากาศ เราอยากแนะนำในเรื่องของตำแหน่งในการวางกระถางที่ควรวางในที่ที่แดดส่องถึง เพื่อให้ต้นไม้ได้รับแสง และยังเป็นการป้องกันการเกิดเชื้อราอีกด้วยค่ะ

Categories
ต้นไม้หน้าบ้าน หน้าแรก

กัญชา พืชเสพติดที่ล่าสุดไทยปลดล็อกให้เป็นยารักษาโรค

หากใครที่ได้ติดตามข่าวสารต่าง ๆ คงทราบกันดีว่า ล่าสุด กัญชา ได้ถูกถอดออกจากการเป็นยาเสพติด หรือพืชเสพติดแล้วเป็นที่เรียบร้อย หลังจากมีการถกเถียงกันมาระยะหนึ่งว่าขอบเขตของกฎหมายเกี่ยวกับการครอบครองหรือปลูกกัญชานั้นสามารถทำได้มา หรือต้องมีกฎเกณฑ์ใดเข้ามาขวบคุมบ้าง แต่ก่อนที่จะไปพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย หรือข่าวสารเกี่ยวกับกัญชา วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับข้อมูลต่าง ๆ ของกัญชา รวมถึงประวัติ และวิธีดูแล หากพร้อมแล้วเราไปดูกันเลย

ทำความรู้จักกับ กัญชา พืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้หลายประเทศ

กัญชา เป็นพืชที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน แต่หลักฐานที่ปรากฏในรูปแบบลายลักษณ์อักษรอยู่ในหลักฐานของชาวโรมันในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 2 ซึ่งในยุคโบราณกัญชาไม่ได้อยู่ในฐานะสารเสพติด หรือใช้เพื่อความมึนเมา แต่ผู้คนใช้เมล็ดของมันเพื่อใช้ในการทำความสะอาดร่างกายจากกรรมวิธีเฉพาะ และจนกระทั่งในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19  กัญชาเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายทั้งนกลุ่มชาวอินเดีย อียิปต์ แอฟริกาเหนือและกลุ่มประเทศตะวันออก คาบสมุทรอินโดจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวมุสลิม พบว่ามีการเสพกัญชา ออกฤทธิ์ เพื่อให้เกิดความมึนเมา แต่ในช่วงปี พ.ศ. 2505 มีหลาย ๆ ประเทศเริ่มใช้ กัญชาทางการแพทย์ หรือกัญชารักษาโรค และก็ค่อนข้างจะปรากฏงานวิจัยออกมาอย่างแพร่หลายถึงข้อดีของกัญชา

วิธีดูแลต้นกัญชา

กัญชาจัดเป็นไม้ล้มลุก และมีรากฝอย แต่การปลูกกัญชานั้นมีค่อนข้างหลายวิธี ซึ่งเราสามารถปลูกแบบลงดิน คือการเพาะในกระถาง หรือถุงเพราะแล้วสามารถนำต้นกล้าไปปลูกลงดินได้เลย แต่ต้องเลือกปลูกในพื้นที่ที่ไม่ชื้นจนเกินไปเพื่อให้รากของกัญชาไม่เน่านั่นเอง แต่สำหรับใครที่อยากปลูกแบบในพื้นที่ปิด คุณก็สามารถหาซื้อชุดสำหรับปลูกต้นกัญชาที่สามารถหาซื้อได้ง่าย ๆ ทางช่องทางออนไลน์ ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่หลักร้อย ซึ่งการปลูกแบบนี้นอกจากจะสามารถปลูกในพื้นที่ที่จำกัดได้แล้ว ต้นกัญชาของคุณยังจะสามารถเจริญเติบโตได้ดี และปลอดภัยจากแมลงศัตรูพืช กัญชาเป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำสักเท่าไร ดังนั้นจึงไม่ควรให้อยู่ในที่ที่ชื้นจนเกินไป หรือไม่จำเป็นต้องรดน้ำให้ชุ่มอยู่ตลอดเวลา

กัญชามีหลายสายพันธุ์กว่าที่หลายคนคิด

มาถึงในส่วนข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์ของกัญชา กันแล้วนะคะ โดยสายพันธุ์กัญชาที่มีอยู่บนโลกของเรานั้นมีหลายสายพันธุ์เป็นอย่างยิ่ง แต่เราจะคัดมาแนะนำทั้งหมด 4 สายพันธุ์ ซึ่งเป็น สายพันธุ์กัญชาในไทย ได้แก่ พันธุ์ตะนาวศรีก้านขาว, พันธุ์ตะนาวศรีก้านแดง, พันธุ์หางเสือ, พันธุ์หางกระรอก แต่สายพันธุ์เหล่านี้ก็ยังไม่นับว่าเป็น สายพันธุ์กัญชาที่เมาที่สุด ซึ่งสายพันธุ์ที่ติดอันดับส่วนใหญ่จะเป็นของต่างประเทศ ซึ่งมีชื่อว่า Godfather OG นั่นเอง

บทสรุป

เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อมูลเกี่ยวกับกัญชา ที่เรานำมาฝากทุกคนในวันนี้ และแน่นอนว่าหากใครที่กำลังรอข้อมูลอื่น ๆ ที่เป็นข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับกัญชา หรือพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ก็สามารถรอรับข่าวสารเหล่านั้นจากเว็บไซต์ของเราได้เลย และที่สำคัญไปกว่านั้นคือหากใครที่ต้องการจะปลูกกัญชาจะต้องทำการขออนุญาตการปลูกตามที่กฎหมายได้มีการกำหนดไว้เสียก่อน เพื่อไม่ให้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย