ต้นกระดังงา ต้นไม้ปลูกหน้าบ้านเสริมชื่อเสียงโด่งดัง ช่วยทำให้ชีวิตราบรื่น

เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนเวลาที่ซื้อบ้าน หรือว่ามีบ้านอยู่แล้วก็คงอยากจะทราบว่า เราควรจะปลูกต้นไม้อะไรที่จะเข้ามาช่วยเสริมความมงคลให้กับบ้านของเรา วันนี้จึงอยากจะมาเล่าเรื่องของที่น่าสนใจของต้นไม้มงคลอย่าง ต้นกระดังงา ซึ่งก็เป็นต้นไม้ที่มีความหมายที่ดี และนำโชคลาภมาให้กับคนปลูก และยังเป็นการเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับเจ้าของบ้านด้วยนั่นเอง เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราตามมาดูต้นไม้ปลูกหน้าบ้าน ไว้สำหรับจัดสวนหน้าบ้านกันเลยดีกว่า

รู้จักกับ ต้นกระดังงา

ต้นกระดังงา(Ylang-Ylang) หรือทางภาคเหนือเรียกว่า สะบันงา เป็นต้นไม้มงคลที่นิยมปลูกกันมากมายหลายบ้าน ส่งกลิ่นหอมหวานฟุ้งยามออกดอก ถิ่นกำเนิดอยู่ทางแถบเอเชียเขตร้อน เช่น ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศอินโดนีเซีย เป็นต้น

นอกจากจะปลูกต้นไม้นานาชนิดเพื่อความสวยงามและความร่มรื่นของบ้านแล้ว หลายคนยังนิยมปลูกต้นไม้มงคลไว้ประดับบ้านเพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย และหนึ่งในต้นไม้มงคลที่คนนิยมปลูกมากที่สุดก็คือต้นกระดังงา ซึ่งเชื่อกันว่าการปลูกไว้ในบ้าน จะช่วยเสริมดวงทางด้านชื่อเสียงให้โด่งดังอีกด้วย

ลักษณะที่ควรรู้ต้นกระดังงา

เป็นไม้เลื้อยทรงพุ่มโปร่งขนาดกลาง ออกดอกตลอดทั้งปี มีใบเดี่ยวรูปวงรีลักษณะคล้ายปลายหอก กว้างประมาณ 5 – 7 เซนติเมตร ยาวประมาณ 13 – 20 เซนติเมตร ยามออกดอกมักจะออกเป็นช่ออยู่รวมกันเป็นกระจุกบริเวณซอกใบ กระจุกละ 4 – 6 ดอก กลีบดอกมีสีเหลืองอมเขียว ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ในช่วงเวลาเช้าและเย็นจะได้กลิ่นมากเป็นพิเศษ โดยจะเริ่มออกดอกเมื่อปลูกไว้ประมาณ 3 ปี ความสูงประมาณ 7 – 8 เมตร

ประโยชน์ต้นกระดังงา

มีความเชื่อว่าต้นไม้ชนิดนี้ เป็นต้นไม้มงคลที่จะช่วยส่งเสริมให้ผู้ปลูกเป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดัง มีเงินทอง ลาภ ยศ อีกทั้งยังมีผู้คนนับหน้าถือตา หากจะให้ดียิ่งขึ้นควรเลือกปลูกในทิศตะวันออกของบ้าน เพื่อเพิ่มความเป็นสิริมงคลกับตัวบ้าน และผู้อยู่อาศัยในบ้านด้วย นอกจากนี้ส่วนต่าง ๆ นอกจากนี้ส่วนต่าง ๆ ของต้นไม้ชนิดนี้ยังสามารถนำไปประยุกต์ได้ เช่น เปลือกใช้ทำเชือก ใบและเนื้อใช้ต้มกินเป็นยาขับปัสสาวะ เป็นต้น

วิธีปลูกต้นกระดังงา

เป็นต้นไม้ปลูกหน้าบ้าน หรือริมรั้ว เพราะเป็นไม้เลื้อยที่ต้องการซุ้มหรือคานเพื่อจะเลื้อยเกาะ นิยมปลูกด้วยการใช้เมล็ดหรือตอนกิ่งนั่นเอง ในส่วนของดินที่ชอบมากที่สุดคือ ดินร่วนซุย และควรใช้ปุ๋ยคอกหรือหมักอัตราส่วน 1 ต่อ 2 กิโล ควรใส่ปุ๋ยปีละ 4 – 6 ครั้ง และควรให้น้ำ 5 – 7 วัน/1 ครั้ง และควรปลูกกลางแจ้ง เพราะเป็นต้นไม้ที่ชอบแสงแดดจัด