แก้วกาญจนา ไม้ประดับยอดนิยมประจำบ้าน ปลูกไว้มีแต่เจริญรุ่งเรือง

แก้วกาญจนา เป็นไม้มงคลที่ได้รับพระราชทานชื่อจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งหมายถึง “งดงามสว่างไสวและสุกสว่างดุจดั่งทอง” เพราะด้วยลักษณะของใบที่มีสีสันสดใสสว่างงดงาม จึงไม่แปลกที่ปัจจุบันจะนิยมปลูกไว้เพื่อเป็นไม้เศรษฐกิจเพื่อส่งออกไปต่างประเทศ แถมยังสร้างชื่อเสียงได้ไกลไปทั่วโลก

แก้วกาญจนาไม้มงคลที่อยู่ในตระกูลอโกลมีนา มีลักษณะของใบที่มีลวดลาย สีสันสวยงาม โดดเด่น แถมยังดูแลง่าย ช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ เพียงวางตั้งไว้ในห้องในบริเวณที่มีแสงน้อยได้ดี จึงไม่แปลกที่ผู้คนนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับประจำบ้าน เพราะนอกจากจะมีความสวยงาม ช่วยเพิ่มความร่มรื่นให้กับบ้านแล้ว ยังช่วยเพิ่มโชคลาภและเสริมสิริมงคลในแบบเฉพาะ สำหรับผู้ที่เพาะเลี้ยง บางคนชอบปลูกแก้วกาญจนาตามทิศต่าง ๆ เพื่อเสริมสิริมงคลด้านความรัก บางคนก็ปลูกเพื่อเสริมด้านเมตตามหานิยมโดยมักจะปลูกเรียงรายเป็นแถวสวยงามบริเวณทางเข้าบ้าน 

วิธีการดูแล

แก้วกาญนาดูแลรักษาได้ง่าย ๆ เพราะต้องการแสงแดดรำไร เพียงปลูกในดินร่วมซุย และรดน้ำเบา ๆ สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

แก้วกาญจนา กับความเชื่อ

อาจกล่าวได้ว่าแก้วกาญจนาความเชื่อ นั้นเป็นของคู่กัน ปัจจุบันมักเชื่อกันว่า แก้วกาญจนา เป็นไม้มงคลที่ควรแก่การปลูกไว้ติดบ้าน เพราะจะนำพามาซึ่งโชคลาภและอำนาจวาสนา ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านก็จะมีอายุยืนยาว สุขภาพแข็งแรง และเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับลูกหลานในบ้าน รวมทั้งคนที่ค้าขาย เมื่อปลูกต้นแก้วกาญจนา ไว้ ก็จะช่วยส่งเสริมการค้าให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า หรือแม้แต่บางบ้านก็ปลูกเพราะเชื่อในด้านการเสริมเสน่ห์ ความรัก ความเมตตา ซึ่งการปลูกพืชชนิดนี้โดยเน้นเสริมในด้านความรักจะต้องอิงกับวันเกิดของผู้ที่ปลูกด้วย อย่างเช่น การปลูกแก้วกาญจนาในทิศตะวันตกจะเหมาะสมกับคนเกิดวันจันทร์ ในขณะที่คนเกิดวันพุธจะต้องปลูกทางทิศใต้ เป็นต้น

แก้วกาญจนากับ 3 สายพันธุ์ยอดนิยม

บางท่านอาจมีคำถามว่า ไม้มงคลยอดนิยมอย่างแก้วกาญจนามีกี่ชนิด กัน? แท้จริงแล้ว แก้วกาญจนามีสายพันธุ์มากมายขึ้นอยู่กับถิ่นกำเนิด แต่หากจะกล่าวถึงสายพันธุ์ที่นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลาย อาจสามารถจำแนกเป็น ­3 สายพันธุ์ใหญ่ ๆ ดังนี้

1.แก้วกาญจนาอัญมณี

นับว่าเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะด้วยสีสันโดดเด่น และมีให้เลือกหลากหลายสี มีปลายใบเรียวยาวสีเขียว ตรงกลางจะเป็นลายด่างหลากสีตามชื่อเรียก เช่น หากเรียกว่า แก้วกาญจนาอัญมณีแดง ก็จะมีลายด่างสีชมพูเข้มๆไปจนถึงแดงสด แก้วกาญจนาอัญมณีขาว ก็จะมีลายด่างสีขาวนวล เป็นต้น

2.แก้วกาญจนาบังลังก์ทับทิม

ความโดดเด่นสำหรับแก้วกาญจนาสายพันธุ์นี้อยู่ที่แกนกลางที่เป็นใบสีชมพูสด ลากยาวตั้งแต่โคนไปจนถึงปลายใย ตัดกับพื้นใบสีเขียวได้อย่างลงตัว

3.แก้วกาญจนาสีชมพู

ต้นแก้วกาญจนาชมพู ปลายใบจะเป็นจงอยแกลม แต่โดยรวมมีรูปร่างกว้างสั้น และใบจะมีสีชมพูเกือบทั้งหมดตามชื่อเรียก

อาจกล่าวได้ว่า แก้วกาญจนาเป็นไม้ประดับที่มีความโดดเด่น และเป็นที่นิยมอันดับหนึ่งในไทย และยังเป็นที่ต้องการสูงในต่างประเทศอีกด้วย จึงทำให้แก้วกาญจนา ราคามีความหลากหลาย และราคาแรงในบางพื้นที่ ซึ่งราคาเริ่มต้นที่ ต้นละ 350 บาท นับว่าเป็นไม้ประดับที่น่าจับตามองสายพันธุ์หนึ่งของไทย